ความรู้ที่ได้รับ
นำเสนองานกลุ่ม
กลุ่มที่1 การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่

การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ เป็นการนำวิธีการสอนเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้าที่ประสบความสำเร็จมาใช้กับเด็กปฐมวัย โดยให้เด็กจับต้องสื่อหรือเล่นอุปกรณ์ต่างๆ ที่เลือกเอง ทำให้เด็กเรียนรู้อย่างมีสมาธิและสร้างสรรค์ เด็กสามารถประสมคำ อ่านคำและฝึกเขียนหนังสือได้ด้วยตนเองตามความสนใจตั้งแต่อายุ 4-5 ปี
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ คือ การจัดสภาพการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยมีครูเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมือนบ้าน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน ให้เสรีภาพแก่เด็ก ให้คำปรึกษาและกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ให้ใช้จิตใจซึมซับสิ่งแวดล้อม โดยครูคำนึง ถึงความสนใจ ความต้องการและความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ของเด็กและยึดหลักความแตกต่างระหว่างบุคคลด้วย การจัดการสอนแบบมอนเตสซอรี่จะคำนึงถึงเด็กเป็นสำคัญ ส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระ จัดสิ่งแวดล้อมและอุปกรณ์ให้เด็กได้ฝึกทักษะกลไกผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า รู้จักควบคุมการทำงานด้วยตัวเอง เพราะมอนเตสซอรี่เชื่อว่า เด็กคือ ผู้รู้ความต้องการของตนเองและมีความสามารถที่จะซึมซับการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมได้ หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้านคือ
1.ด้านทักษะกลไก (Motor Education)
2.ด้านประสาทสัมผัส (Education of the Senses)
3.ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation For Writing and Arithmetic)
หลักการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีดังนี้
-จัดห้องเรียนให้เสมือนบ้าน
-ให้เสรีภาพกับเด็กที่จะเลือกเล่นด้วยตนเอง
-จัดสภาพการ์ต่างๆที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง
การเรียนการสอนแบบมอนเตอสซอรี่มีประโยชน์ต่อเด็ฏปฐมวัยอย่างไร
-เด็กเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
-เด็กเรียนด้วยความสุข
-การเรียนที่มุ่งให้เด็กทำกิจกรรมสำเร็จด้วยตนเอง
กลุ่มที่2 ภาษาธรรมชาติ

การสอนภาษาแบบธรรมชาติ (Whole Language Approach) คือ การที่เด็กได้เรียนรู้การใช้ภาษาทั้งด้านการฟัง พูด อ่าน เขียนไปตามธรรมชาติ อย่างมีความหมาย สอดคล้องเหมาะสมกับวัย โดยไม่แยกว่าต้องอ่านก่อน หรือเขียนก่อน แต่จะเน้นให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเอง เช่น อ่านนิทาน เล่าเรื่องราว ฟังนิทานที่ครูหรือเพื่อนเล่า เขียนคำที่ตนสนใจจากเรื่องที่ได้อ่านหรือได้ฟัง เป็นต้น
กลุ่มที่3 การจัดทำสารนิทัศน์ในระดับปฐมวัย

การจัดทำสารนิทัศน์ (Documentation) เป็นการจัดทำข้อมูลที่เป็นหลักฐานหรือแสดงให้เห็นร่องรอยของการเจริญ เติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจากการทำกิจกรรมทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม ซึ่งหลักฐานและข้อมูลที่บัน ทึกเป็นระยะๆ จะเป็นข้อมูลอธิบายภาพเด็ก สามารถบ่งบอกถึงพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา สารนิทัศน์เป็นการประมวลผลที่แสดงให้เห็นถึงกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูและร่องรอยผลงานของเด็ก จากการทำกิจกรรมที่สะท้อนถึงพัฒนาการในด้านต่างๆ การจัดทำสารนิทัศน์จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวัดและประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย
- สารนิทัศน์ประเภทที่ 1 การบรรยายเรื่องราว หรือประสบการณ์
- สารนิทัศน์ประเภทที่ 2 การสังเกตพัฒนาการเด็ก
- สารนิทัศน์ประเภทที่ 3 แฟ้มสะสมงาน
- สารนิทัศน์ประเภทที่ 4 ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม
- สารนิทัศน์ประเภทที่ 5 การสะท้อนตนเอง
กลุ่มที่ 4 แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)

เป็นสารนิทัศน์ที่มุ่งเน้นด้านการจัดเก็บรวบรวมผลงานของเด็กเป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ช่วยให้ก้าวหน้าทางพัฒนาการด้านต่างๆและความสำเร็จของเด็ก การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนได้มีโอกาศสะท้อนความคิิดและแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างสมบูรณ์
องค์ประกอบของแฟ้มสะสมผลลงาน
1.ส่วนปก ปกนอกและปกใน
2.ส่วนนำ คำนำ ข้อมูลผู้เรียน สารบัญ
3.ส่วนเนื้อหา เป็นส่วนรวบรวมหลักฐาน ผลงาน
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลในแฟ้มสะสมผลงาน
1.การสังเกต
2.การบันทึก
3.การสนทนา
4.การสัมภาษณ์
กลุ่มที่5 วอลดอร์ฟ (Woldorf)

การศึกษาแนววอลดอร์ฟมีลักษณะอย่างไร
-ความเข้าใจของครูผู้สอน
-ทักษะศิลปะของครูผู้สอน
-การจัดประสบการการณ์เรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยในแนววอลดอร์ฟ
-ธรรมชาติการเรียนรู้ในวัยเด็ก
-เล่นอย่างอิสระโดยไม่แทรกแซง
-บทบาทครู ( 3 R ) ได้แก่ 1.การทำซ้ำ (Repetition) 2.จังหวะ (Rhythm) 3.เคารพ (Reverence)
การศึกษาแนววอลดอร์ฟมีประโยชน์ต่อเด็กกปฐมวัยอย่างไร
-เด็กมีอิสระ พัฒนาตนเต็มศักยภาพที่ตนมี
-เด็กมีความคิดแยบคาย สดใส มีพลังและสร้างสรรค์
-เด็กมีความเมตตา กล้าหาญ ใฝ่รู้ เอื้ออาทร
กลุ่มที่6 ไฮสโคป High Scope

ไฮสโคป (High Scope) เป็นการสอนที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก และการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น โดยการให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่นหรือกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ ซึ่งตรงตามทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา (Cognitive Theory) ของเปียเจต์ (Piaget) นักการศึกษาที่สำคัญคนหนึ่งของโลก ความสำคัญในด้านพื้นฐานโดยเฉพาะการสร้างองค์ความรู้ของผู้เรียน จะเน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำ (Active Learning) เพราะเด็กจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงทำให้เกิดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ และรู้จักลงมือแก้ปัญหาด้วยตนอง
แนวการสอนแบบไฮสโคป (High Scope) เป็นอย่างไร
ไฮสโคป (High Scope)ใช้หลักปฏิบัติ 3 ประการ คือ
1. การวางแผน (Plan)
2. การปฏิบัติ (Do)
3. การทบทวน (Review)
ประโยชน์ของแนวการสอนไฮสโคป (High Scope) ที่มีต่อเด็ก
1.สอนให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น
2.การลงมือทำงานฝึกให้เด็กวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ
3.เด็กได้ฝึกสมาธิทำให้เด็กเกิดปัญญา ฝึกความมีระเบียบวินัย
การนำไปประยุกต์ใช้
สามารถนำความรู้ที่เพื่อนนำเสนอไปใช้ในอนาคตได้
สามารถนำความรู้ที่เพื่อนนำเสนอไปใช้ในอนาคตได้
ประเมินตนเอง
ให้ความร่วมมือตลอดเวลาที่เพื่อนนำเสนอ และมีการจััดบันทึก
ประเมินเพื่อน
เพื่อนมีความพร้อมดีและนำเสนออย่างเข้าใจ
ปรเมินอาจารย์
อาจารย์ให้คำแนะนำและอธิบายเพิ่มเติม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น